หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / [Post Game Talk] กองกลางและแผงหลังยังต้องปรับปรุงอีกเพียบ??

[Post Game Talk] กองกลางและแผงหลังยังต้องปรับปรุงอีกเพียบ??

[Post Game Talk] กองกลางและแผงหลังยังต้องปรับปรุงอีกเพียบ??

     และแล้วความผิดพลาดทั้งหลายทั้งปวงก็มาปรากฎแบบเต็มรูปแบบในเกมนี้ สิ่งที่ลิเวอร์พูลยังขาดในแต่ละตำแหน่ง มันยิ่งเด่นชัดว่าหงส์แดงของพวกเรายังห่างกับทีมตราเรือใบเยอะ ยิ่งถ้าคิดจะแย่งแชมป์เห็นทีจะยากครับจากใจ

     ฤดูกาลก่อนทีมผงาดสูงถึงรองแชมป์ด้วยผลงานของ หลุยส์ ซัวเรซ ล้วนๆ ที่ยิงไส้แตกแทบทุกนัด ขณะที่หลังบ้านก็รั่วได้ตลอดเวลา แต่ไม่เป็นไร หลุยส์ ยิงได้ เลยทำให้ทีมได้แต้มเรื่อยๆ จนตอนนี้หลังบ้านเราก็ยังเละตุ้มเปีะเหมือนเดิม อันนี้ต้องว่ากันไปถึง แผงกองกลางเลยด้วยซ้ำนะครับ ที่คุมเกมได้ไม่เป็นสัปปะรด

     ก่อนจะมาหาข้อสรุป และวิเคราะห์ เรามาดูคะแนนที่ทางสื่อต่างประเทศจัดให้ทั้งสองทีมก่อนครับ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
     โจ ฮาร์ท: เฝ้าปากประตูได้อย่างมั่นใจ และไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น 7
     ปาโบล ซาบาเลต้า: ยังไม่ฟิตเท่าที่ควรจะเป็น แต่ก็ค่อยๆ ปรับจังหวะเข้าหาเกม และขึ้นเกมทางขวาได้ดี 7
     มาร์ติน เดมิเคลิส: เล่นได้นิ่ง ไม่โฉ่งฉ่าง แม้จะเสียท่าเล็กน้อยในจังหวะเคลียร์บอล 7 
     แว็งซองต์ กองปานี: สั่งการและคุมแนวรับได้โดดเด่น สมราคากัปตันทีม อยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ 8
     กาแอล กลิชี่: เติมเกมบุกฝั่งซ้ายได้สม่ำเสมอและรับผิดชอบพื้นที่ได้ดี 7
     ซามีร์ นาสรี่: เริ่มต้นเกมแบบเงียบเชียบ แต่ก็ค่อยๆ โชว์ฟอร์มเด่นในครึ่งหลัง 8
     ยาย่า ตูเร่: วิ่งพล่านในแดนกลาง แถมผ่านบอลได้แม่น ทำให้ทีมครองบอลได้มาก 8
     แฟร์นานโด: เข้ามาเติมความแข็งแกร่งในแผงมิดฟิลด์ ป้องกันเกมรุกของหงส์แดงได้ดี และไม่ยอมให้ลิเวอร์พูลกลับเข้ามาสู่เกม 7
     ดาบิด ซิลบา: มีอิทธิพลมากในต้นครึ่งแรก ปั่นป่วนทางฝั่งขวาและซ้าย สร้างปัญหาให้กองหลังลิเวอร์พูลมาก 7
     สเตฟาน โยเวติช: โชว์ฟอร์มดีมาตั้งแต่อุ่นเครื่อง และก็ฉวยโอกาสความผิดพลาดของหลังลิเวอร์พูล ก่อนจะซัดเพิ่มไปอีกเม็ด 9
     เอดิน เชโก้: ยังคงครบเครื่องของความเป็นกองหน้า เป็นตัวเชื่อมเกมที่ดีระหว่างกองกลางและแนวรุก 7

ตัวสำรอง
     เฆซุส นาบาส: (แทน ซิลบา น.65) ลงมาสร้างโอกาสให้ อเกวโร่ ทำประตูที่ 3 7
     เซร์คิโอ อเกวโร่: (แทน เชโก้ น. 68) เป็นอีกคนที่ยังไม่ฟิตเท่าที่ควร แต่ก็ยังคมเสมอจนมาทำประตูได้ 7 
     แฟร์นานดินโญ่: (แทน โยเวติช น.80) ลงมาปิดเกมแทน โยเวติช ที่ทำงานอย่างหนักในเกมนี้ 6

ลิเวอร์พูล
     ซิมง มิโญเล่ต์: เป็นเกมที่ยากลำบากของโกล์ชาวเบลเยี่ยม และเริ่มมีข้อสงสัยกับการยืนตำแหน่งของเขา 6
     เกล็น จอห์นสัน: ไม่สามารถเติมเกมบุกได้เท่าไร แถมยังเปิดที่ว่างให้แนวรุก ซิตี้ บุกกันเพลินเลย 6
     เดยัน ลอฟเรน: มีส่วนร่วมผิดพลาดกับทั้งสามประตูที่เสียไป 6
     มาร์ติน สเคอร์เทล: ช่วยสกัดบอลได้ดี ในครึ่งแรก และก็ยังพอพึ่งพาได้ในครึ่งหลัง 7
     อัลแบร์โต้ โมเรโน่: ประเดิมให้ทีมด้วยฟอร์มที่ดี แต่ก็ต้องมาเป็นแพะในจังหวะผิดพลาดอย่างโชคร้าย จนต้องเสียประตูแรก 5
     โจ อัลเลน: เริ่มต้นเกมได้กร้าวแกร่ง คุม ซิลบา อย่างแน่นหนา แต่สุดท้ายก็หายไปจากเกม 6
     สตีเว่น เจอร์ราร์ด: เริ่มต้นแบบดุเดือด ด้วยการทำเกมรุกไปข้างหน้า ก่อนจะค่อยๆ หายไปจากเกมอีกคน 6
     ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: สร้างปัญหาให้ ซิตี้ ได้เยี่ยมด้วยความเร็วของเขา แต่ก็ถูกซิตี้ คุมจนอยู่หมัดจนหมดสิทธิ์แผลงฤทธิ์ 6
     จอร์แดน เฮนเดอร์สัน: มีความตั้งใจพยายามจะขึ้นเกมไปข้างหน้า แต่ก็ทำได้ไม่สำเร็จเท่าไร
     ฟิลิปป์ คูตินโญ่: เคลื่อนที่หาช่องในแนวรับของ ซิตี้ ตลอด แต่ก็ถูกประกบจนไมได้สร้างสรรค์อะไรมาก 6
     แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์: โชว์ฟอร์มมีชีวีตชีวาในครึ่งแรก และสร้างโอกาสได้ดี แต่ก็ต้องผิดหวังกับโอกาสที่พยายาม 7

สำรอง
     ลาซาร์ มาร์โควิช: (แทน คูตินโญ่ น.60) มีลีลาใช้ได้ ในเกมแรกของเขา ดูอันตรายทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถเกมเจาะรับของ ซิตี้ ได้เท่าที่ควร 6
     เอ็มเร่ ชาน: (แทน อัลเลน น.75) ลงมาช่วงท้ายเกมแค่มาสัมผัสเกมเท่านั้น 6
     ริคกี้ แลมเบิร์ต: (แทน สเตอร์ลิ่ง น.79) แสดงให้เห็นประโยชน์ของเขาด้วยการลงมาคุมคามคู่แข่ง ทำประตูปลอบใจให้ทีม 6

ข้อสรุปที่เราพอจะมองเห็นจากความพ่ายแพ้นี้ พอสรุปได้ดังนี้


1.แมน ซิตี้ คุมสถานการณ์ได้นิ่งตลอดทั้งเกม
     หลังจาก ซาบาเลต้า ทำเข้าประตูตัวเอง อาจทำให้ ซิตี้ รู้สึกกดดันอยู่บ้าง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็กลับมานิ่งและคุมเกมได้ตามปกติ การมี ยาย่า ตูเร่ คุมเกมแดนกลาง สนับสนุนแนวรุกอย่าง ซิลบา, นาสรี่, โยเวติช และ เชโก้ กันอย่างเข้าอกเข้าใจกันดี นี่จึงเป็นความครบเครื่องของแมน ซิตี้ ในซีซั่นนี้ที่ยังคงคุณภาพสูงเช่นเดิม และมันคือบุคลิกของทีมที่จะเป็นแชมป์ด้วย

2.ช่องว่างระหว่างลิเวอร์พูลและทีมคู่แข่ง
     ความพ่ายแพ้ให้ทีมใหญ่ต่อเนื่อง แก่ แมนซิตี้ เชลซี และแมนซิตี้อีกครั้ง ยามหงส์แดงเล่นกับทีมที่ไม่แข็ง พวกเขาจะคุมเกมได้ตลอด พอเจอจังหวะเกมที่เร็วขึ้นของทีมใหญ่ อย่างที่เห็นว่า ซิตี้ เป็นฝ่ายที่ทำเกมได้ดีกว่า ลิเวอร์พูลยังคงต้องปรับปรุงอย่างมาก ในการขยับเข้าไปใกล้แมนซิตี้ และ เชลซี หากคิดจะมีลุ้นแชมป์พวกเขาต้องได้แต้มจากสองทีมนี้

 

3.ความย่ำแย่ของแนวรับ
     แบรนเดน ร็อดเจอร์ส ต้องรีบแก้ไขด่วน หลังจากเสียไปแล้ว 4 ประตู จาก 2 นัด ก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้ บางที 4-5-1 อาจเป็นแผนที่ดีกว่า ในเกมคุมเกมรับให้แน่นกว่านี้ โดยเฉพาะไลน์แบ็คโฟร์ที่ต้องคุมพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษให้ชัวร์ ซึ่งทำกันได้ดีใน 40 นาทีแรก ก่อนจะมาเสียสมาธิคุมแนวรับกันได้รวนยกแผง จนเสียประตูแบบไหลมาเทมา

 


4.โยเวติช คือตัวอันตรายอย่างแท้จริง
     แมน ออฟ เดอะ แมตช์ สมควรทุกประการที่จะได้รับตำแหน่งนี้ เรียกว่ายังยิงได้ต่อเนื่องตั้งแต่ ปรีซีซั่นอ จนถึงเปิดฤดูกาล เขาประสานงานกับ เชโก้ ได้ดี และสร้างอิทธิพลให้ทีมจนซัดเบิ้ลสองประตู แบบใครก็หยุดเขาไม่ได้

 


5.โมเรโน่มีอนาคตที่ดีกับทีม
     อัลแบร์โต้ โมเรโน่ แบ็คซ้ายตัวใหม่ประเดิมเกมแรกก็เจอรับน้องด้วยของหนักอย่าง ซิตี้ ถ้าไม่นับลูกที่เผลอเรอเสี้ยววินาที เขาถือว่าเป็น 1 ในผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มดีของหงส์แดง เขามีทั้งความเร็วที่ยอดเยี่ยม ครอสบอลก็ใช้ได้ และขึ้นลงในตำแหน่งได้ดี แถมยังเข้าสกัดบอลได้หนักใช้ได้
     ถ้าเราจะมาวิเคราะห์จังหวะที่เขาทำทีมเสียประตู ต้องโทษตั้งแต่ เจอร์ราร์ดที่ เสียบอลให้ ซิลบา และจังหวะสกัดก็เป็น ลอฟเรน ที่โขกสกัดแบบซื่อๆ กะให้โมเรโน่ โดยที่ไม่รู้เลยว่า โยเวติช แกรอจังหวะนี้อยู่ จึงโฉบมาด้านหลัง กว่าโมเรโน่จะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว แถมโยเวติช ดันยิงลอดขาได้คมอีกด้วย เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่ความผิดของโมเรโน่เสียทีเดียวครับ และแม้จะเสียประตู เขาก็ยังเล่นได้อย่างมั่นใจเหมือนเดิม

 

 

และนี่คือ 3 ข้อเสนอแนะที่ ร็อดเจอร์ส ควรทำก่อนเกมเจอ สเปอร์ส

1.การเคลื่อนที่ของบรรดากองกลาง
     แม้ว่า เฮนเดอร์สัน และ อัลเลน จะวิ่งไล่ได้ตลอดเกม เคียงข้าง เจอร์ราร์ด เพื่อรับมือแนวรุกของแมนซิตี้ แต่เป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะกับ ซิลบา ที่เป็นประเภทฉลาดรอบจัด ทั้งๆ ที่ก็ไม่ใช่คนที่เร็วอะไรมาก ดังนั้น เกมกับ สเปอร์ส จะเป็นอะไรที่ไม่ต่างกัน บรรดาแนวรุกของสเปอร์ส อย่าง คริสเตียน เอริคเซ่น และ เอริค ลาเมล่า ที่ชอบโจมตีใส่ที่ว่างเสมอ

     การได้ เดยัน ลอฟเรน มาคุมแผงหลัง เป็นเรื่องดี แต่อย่างที่เห็นคือ เขายังต้องสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมให้เข้าใจกันมากกว่านี้ เพื่อให้รู้จังหวะในการคุมตัวผู้เล่นและจังหวะสกัดที่สอดประสานกันได้อย่างรู้ใจ ดังนั้นกองกลางก็มีส่วนที่จะชลอเกมของคู่แข่งให้ผ่อนลง ก่อนจะเป็นภาระของกองหลังที่ยังไม่ปึ้ก

 


2.ถึงเวลาแล้ว ของซูเปอร์มาริโอ?
     พอทีมไม่มีซัวเรซ ทีมถึงกับฝืดในการยิงประตูทันที ในช่วง 40 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ทำเกมได้ดีกว่าชัดเจน ทีมเคลื่อนที่ต่อบอลได้แจ่ม แต่สเตอร์ริดจ์ ก็เดียวดายเกินไปในแนวหน้า
     หาก ร็อดเจอร์ส ไม่ต้องการเสียการคอนโทรลบอลในแดนกลาง เขาควรลองปรับทีมเป็น 4-3-3 ในบางช่วง ซึ่งเป็นสูตรที่ประสบความสำเร็จในซีซั่นก่อน โดยให้ สเตอร์ลิ่ง อยู่หลังคู่กองหน้า ระบบนี้จะทำให้ลิเวอร์พูล ยังคงพื้นที่กองกลางได้ถึง 3 คน แถมยังทำให้แนวรุกมีประสิทธิภาพขึ้น จากคู่หน้าอย่างสเตอร์ริดจ์ และ บาโลเตลลี่ รวมไปถึง แลมเบิร์ต ที่ยังมีเขี้ยวเล็บเสมอยามลงมาท้ายเกม

 


3. ขันน็อตตำแหน่งฟูลแบ็ค
     ความหายนะมาเยือนพวกเขาบ่อยๆ ก็เพราะการยืนตำแหน่งของฟูลแบ็ค จริงอยู่ว่าหน้าที่พวกเขาคือการเติมเกมบุกเป็นเรื่องดี แต่การดูแลเกมรับก็ไม่ต่างกัน ทั้งจอห์นสัน และ โมเรโน่ ขยันเติมเกมดีมาก แต่ทว่า นั่นก็เท่ากับเปิดพื้นที่ว่างให้คู่แข่ง อย่าง ซิลบา และนาสรี่ ทำเกมกันอย่างเพลิดเพลิน
     ในทางตรงกันข้าม กาแอล กลิชี่ เป็นตัวอย่างที่ดี ในคุมดูแลพื้นที่ของตัวเอง จนสามารถจำกัดและตัด สเตอร์ลิ่ง ไปจากเกมได้ ทั้งเกม สเตอร์ลิ่งมีโอกาสแค่ 3 ครั้ง แต่นี่ก็เท่ากับว่าเป็นแทคติกที่ดีในการหยุดการสร้างสรรค์โอกาสของลิเวอร์พูลไป
     สัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ดันเกมขึ้นสูงใส่ คิวพีอาร์ จนเละเป็นโจ๊กถึง 4-0 ดังนั้น ฟูลแบ็คของเราต้องระมัดระวังอย่างมาก ในการคุมโซน ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน ไม่งั้นเรื่องราวเดิมๆ อาจได้เห็นกันอีก

     ทั้งนี้ข่าวที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ค่อยดีของทีม ก็คือการบาดเจ็บของแนวรับพร้อมกัน 3 คนรวด อย่าง จอห์นสัน สเคอร์เทล และ โมเรโน่ ที่ไม่รู้ว่าเกมไปเยือนสเปอร์ส จะอยู่ครบทั้งสามหน่อหรือไม่ ในสภาพที่ทีมยังหาแบ็คโฟร์ที่ไว้ใจยังไม่ได้อยู่ตอนนี้ เราก็ได้หวังว่าพวกเขาทั้งสาม (แฟนบางท่านอาจจะไม่ค่อยอยากเห็นหน้าจอห์นสันเท่าไร) คงจะกลับมาอย่างฟิตสมบูรณ์ และเอาเวลาว่างสัปดาห์นี้ไปทำความเข้าใจการซ้อมแนวรับให้ดีกว่านี้นะครับ อย่าพลาดกันแบบมึนงง แบบนี้บ่อยๆ และหวังอีกว่า เราคงได้เห็นภาพการประตูแบบเทพๆ ของ เกรียนโอ้ บาโลเตลลี่ ใส่สเปอร์สซัก 3-4 เม็ดบ้าง อิอิ สาธุ หงส์แดงโชคดีมีชัยครับผม

 

ADS